ชิปปิ้ง 5 วิธีลดต้นทุนการทำ ‘ธุรกิจแบบ B2B’

ชิปปิ้ง 5 วิธีลดต้นทุนการทำธุรกิจแบบ B2B ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง 5 วิธีลดต้นทุนการทำ ‘ธุรกิจแบบ B2B’ 5                                                                                B2B onlylogistics 768x402

ชิปปิ้ง สำหรับโมเดลการทำธุรกิจแบบ B2B หรือ Business to Business นั้น เป็นโมเดลการทำธุรกิจ ที่มีการแข่งขันสูงและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าคือการรักษาราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลดราคาเช่นนั้นได้ตลอดไป โดยไม่สูญเสียเงิน เว้นเสียแต่ว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือ 5 กลยุทธ์ ที่จะช่วยให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบ B2B สามารถเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างชาญฉลาด

  1. เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม

หาซื้อหรือเช่าพื้นที่สำนักงาน ที่ต้องการจริงๆ หรือเป็นการซื้ออาคารขนาดใหญ่เพื่อการเติบโตในอนาคต แต่การเริ่มต้นที่ดีที่สุดและช่วยลดต้นทุนได้ดีที่สุด รวมทั้งประหยัดพื้นที่ เป็นสิ่งที่สามารถเริ่มต้นทำได้

การทำงานสามารถทำได้ทั้งจากที่บ้านและอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้เช่นกันหากเป็นไปได้ หรือเริ่มต้นการจัดการสินค้าคงคลังด้วยการเป็นพันธมิตรกับธุรกิจจัดเก็บ เพื่อช่วยบริหารจัดการสินค้าคงคลังจำนวนมาก

ดังนั้น เมื่อเลือกพื้นที่สำนักงานจึงต้องคำนึงถึงตัวเลือกทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ เช่น อาคารที่มีราคาถูก แต่อาจมีค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาในระยะยาว หรือการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อาคารที่มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถควบคุมราคาและประหยัดเงินจำนวนมากในระยะยาว

  1. ระบบอัตโนมัติและซอฟต์แวร์

แอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ มีให้เลือกมากมายสำหรับธุรกิจ งานหลายอย่างอาจเคยต้องการพนักงานดำเนินงาน แต่เพื่อการดำเนินงานบางอย่างอาจทำให้สำเร็จลุล่วงได้โดยอัตโนมัติ ผ่านระบบอัตโนมัติด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดการบัญชีเงินเดือน การป้อนข้อมูล การคำนวณและการจ่ายภาษี กรณีที่มีสินค้าคงคลังจริงสามารถใช้ซอฟต์แวร์เพื่อติดตามจำนวนและคุณภาพ รวมถึงการแจ้งเตือนถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

  1. Outsourcing

ในขณะที่แอปฯ และซอฟต์แวร์ สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ยังมีบางส่วนของการทำงานประจำวันที่ต้องได้รับการควบคุมจากบุคคล ซึ่งการทำงานจำนวนมากให้ประสบความเร็จลุล่วงอาจต้องให้ Outsource ในการจัดการงาน

Outsourcing คือ การว่าจ้างบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ใช่พนักงานประจำของบริษัทเพื่อทำงานที่มีความสำคัญหรืองานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะ Outsource ช่วยให้คุณเลือกทำงานกับคนที่คุณต้องการได้ ในการจ้างเหมาช่วงใดๆ สามารถบรรลุผลสำเร็จหรือเท่ากับจำนวนเงินที่สามารถประหยัดได้ หากธุรกิจของคุณไม่เชี่ยวชาญเรื่องการนำเข้าสินค้าจากจีน สามารถใช้บริการชิปปิ้งจีนจาก Only Logistics ช่วยการดำเนินงานได้

  1. พันธมิตรทางธุรกิจ

เมื่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเริ่มสูงขึ้น อาจจำเป็นต้องมองหาพันธมิตรทางธุรกิจขนาดเล็กอื่นๆ เพื่อทำงานร่วมกันและช่วยลดต้นทุน หากมีพื้นที่ในสำนักงานว่างให้เช่ากับธุรกิจขนาดเล็กอื่นๆ ยังเป็นโอกาสในการทำเงินและการประหยัดที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

  1. เป็นพันธมิตรกับลูกค้า

การพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อาจดูเป็นวิธีทำเงินที่ดี และช่วยประหยัดเงินได้ ทั้งช่วยลดความจำเป็นในการใช้จ่ายค่าโฆษณา ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการสินค้าคงคลัง เนื่องจากลูกค้าจะทำการสั่งซื้อแบบปกติ โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการมากกว่าการรักษาความหลากหลาย ทำให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาวจากการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า

สรุป

  • ควรเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน แทนที่จะจ่ายเพิ่มสำหรับพื้นที่ที่ไม่จำเป็น
  • ซอฟต์แวร์อัตโนมัติ เช่น บัญชีเงินเดือน ช่วยให้ประหยัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานเพื่อทำงานเหล่านี้
  • จ้างงานกับ Outsource เท่าที่จำเป็น ในส่วนของงานที่ไม่ต้องทำเต็มเวลา
  • เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อแบ่งปันทรัพยากรและลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนรับผลประโยชน์ร่วมกัน
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะกลับมาที่ธุรกิจของคุณ

สามารถลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจชิปปิ้งได้แล้ว สิ่งที่ธุรกิจไม่ควรละเลยในยุค Social เช่นนี้คือทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและเกิดการรับรู้แบรนด์ได้ สามารถอ่านทริคเด็ดๆ ได้ที่ ‘How To เพิ่มการรับรู้แบรนด์โดยใช้ Social Media’

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *